มะม่วง
มะม่วง | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช Plantae |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง Tracheophytes |
เคลด: | พืชดอก Angiosperms |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ Eudicots |
เคลด: | โรสิด Rosids |
อันดับ: | เงาะ Sapindales |
วงศ์: | วงศ์มะม่วง Anacardiaceae |
สกุล: | สกุลมะม่วง Mangifera L.[2] |
สปีชีส์: | Mangifera indica |
ชื่อทวินาม | |
Mangifera indica L.[2] | |
ชื่อพ้อง[2] | |
|
มะม่วง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Mangifera Indica) เป็นไม้ยืนต้นในสกุล Mangifera ซึ่งเป็นไม้ผลเมืองร้อนในวงศ์ Anacardiaceae[3] (กลุ่มเดียวกับถั่วพิสตาชีโอและมะม่วงหิมพานต์) เชื่อว่าเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคอินเดีย บังกลาเทศ และพม่าตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเห็นได้จากความหลากหลายทางพันธุกรรมและร่องรอยฟอสซิลจำนวนมาก นับย้อนไปได้ถึง 25 – 30 ล้านปีก่อน[4] มะม่วงมีความแตกต่างประมาณ 49 สายพันธุ์กระจายอยู่ตามประเทศในเขตร้อนตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบโต ยาว ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ใบอ่อนสีแดง ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
มะม่วงเป็นผลไม้เศรษฐกิจ ปลูกเป็นพืชสวน ประเทศไทยส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ 3 รองจากฟิลิปปินส์ และเม็กซิโก[5] เป็นผลไม้ประจำชาติของอินเดีย[6] ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งบังกลาเทศ[7]
สายพันธุ์พื้นเมือง
[แก้]มะม่วงมีสายพันธุ์มากมายดังที่ปรากฏในหนังสือพรรณพฤกษาของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ที่กล่าวถึงมะม่วงในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้กว่า 50 พันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น เขียวเสวย แรด น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ อกร่อง ตัวอย่าง เช่น
- เขียวเสวย เป็นพันธุ์พื้นเมืองของนครปฐม ผลยาว ด้านหลังผลโค้งนูนออก ปลายแหลม ผิวเรียบ สีเขียวเข้ม เปลือกหนา เหนียว ผลแก่รสมัน[8]
- น้ำดอกไม้ เป็นพันธุ์ที่กินผลสุก รูปร่างยาวเรียว ผลดิบเนื้อขาว รสเปรี้ยวจัด ผลสุกสีเหลืองนวล รสหวาน
- อกร่องทอง เป็นพันธุ์เก่าแก่ นิยมกินกับข้าวเหนียวมูน ผลค่อนข้างเล็ก มีร่องเป็นแนวยาวที่ด้านท้อง ผลสุก เนื้อละเอียด มีเสี้ยนน้อย
- ฟ้าลั่น ผลกลม ท้ายแหลม ลูกขนาดกลาง นิยมกินผลแก่ มีรสมัน เมื่อปอกเปลือก เนื้อมะม่วงจะปริแตก
- หนังกลางวัน ผลยาวคล้ายงาช้าง แก่จัดรสมันอมเปรี้ยว สุกรสหวาน
- แก้ว นิยมกินดิบ ผลอ้วนป้อม เปลือกเหนียว เมื่อเกือบสุกเปลือกจะมีสีอมส้มหรืออมแดง
- โชคอนันต์ รูปร่างยาว ปลายมน กลายพันธุ์มาจากมะม่วงป่า นิยมนำไปทำมะม่วงดอง
- มหาชนก เป็นลูกผสมระหว่างมะม่วงพันธุ์หนังกลางวันกับพันธุ์ซันเซ็ตจากอินเดีย ผลยาวรี สุกสีเหลืองเข้ม มีริ้วสีแดง เนื้อไม่เละ กลิ่นหอม จะสุกในช่วงที่มะม่วงพันธุ์อื่นวายแล้ว
การใช้ประโยชน์
[แก้]คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 250 กิโลจูล (60 กิโลแคลอรี) |
15 g | |
น้ำตาล | 13.7 g |
ใยอาหาร | 1.6 g |
0.38 g | |
0.82 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (7%) 54 μg(6%) 640 μg |
ไทอามีน (บี1) | (3%) 0.03 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (3%) 0.04 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (4%) 0.67 มก. |
(4%) 0.2 มก. | |
วิตามินบี6 | (9%) 0.12 มก. |
โฟเลต (บี9) | (11%) 43 μg |
วิตามินซี | (43%) 36 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (1%) 11 มก. |
เหล็ก | (1%) 0.16 มก. |
แมกนีเซียม | (3%) 10 มก. |
ฟอสฟอรัส | (2%) 14 มก. |
โพแทสเซียม | (4%) 168 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.09 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
ผลมะม่วงนำมากินได้ทั้งดิบและสุก มะม่วงดิบเปลือกสีเขียวเนื้อสีขาวส่วนใหญ่มีรสเปรี้ยว ยกเว้นบางพันธุ์ที่เรียกว่ามะม่วงมัน ส่วนผลสุกจะมีสีเหลืองทั้งเปลือกและเนื้อ กินสด หรือ นำไปทำเป็นอาหารเช่น ข้าวเหนียวมะม่วง อีกทั้งมีการนำไปแปรรูป เช่น มะม่วงกวน มะม่วงแก้ว มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงเค็ม น้ำแยมมะม่วง พายมะม่วง เป็นต้น แบ่งมะม่วงตามความนิยมในการกินเป็น 3 ประเภทคือ
- นิยมกินดิบได้แก่พันธุ์ที่มีรสหวานมันตอนแก่จัด เช่น เขียวเสวย แรด พิมเสนมัน ทองดำ เขียวไข่กา หรือมีรสมันตอนอ่อนไม่เปรี้ยว เช่น ฟ้าลั่น หนองแซง มะม่วงเหล่านี้เมื่อสุกแล้วจะหวานชืด ไม่อร่อย
- นิยมกินสุก เมื่อดิบมีรสเปรี้ยว ต้องบ่มให้สุกก่อนกินเช่น อกร่อง นวลจันทร์ น้ำดอกไม้ นำไปประกอบอาหาร เช่น ใส่ในน้ำพริก ยำ
- นิยมนำมาแปรรูป แก่จัดมีรสมันอมเปรี้ยว เมื่อสุกหวานอมเปรี้ยว
- ใช้ยอดอ่อน ผลอ่อน มาประกอบอาหารแทนผัก
- ใช้เป็นยาสมุนไพร เช่น ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง แก้เลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น
- ใช้เนื้อไม้ นำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์[9]
- ชาวกะเหรี่ยงในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่นำเปลือกต้นมะม่วงไปย้อมผ้า ให้สีเขียว[10]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Ganesan, S.K (2021). "Mangifera indica". IUCN Red List of Threatened Species. 2021: e.T31389A67735735. doi:10.2305/IUCN.UK.2021-2.RLTS.T31389A67735735.en. สืบค้นเมื่อ 19 November 2021.
- ↑ 2.0 2.1 "Mangifera". Plants of the World Online. Royal Botanic Gardens, Kew. สืบค้นเมื่อ 8 May 2020.
- ↑ Julia F Morton (1987). "Mango (Mangifera indica L.)". In: Fruits of Warm Climates; New Crop Resource Online Program, Center for New Crops and Plant Products, Purdue University. pp. 221–239. สืบค้นเมื่อ 24 December 2021.
- ↑ "INPhO: Compendium Chapter 20 on Mango Section 1". fao.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-04-24.
- ↑ "ซีพี สำเร็จผลิตมะม่วงนอกฤดู ตั้งเป้าขยายตลาดส่งออกทั้งปี". คมชัดลึกออนไลน์. 2009-11-26.
- ↑ "National Fruit". Know India. Government of India. สืบค้นเมื่อ 2010-08-17.
- ↑ "Mango tree, national tree". BDnews24.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-19. สืบค้นเมื่อ 2010-11-16.
- ↑ "มะม่วงเขียวเสวย ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกมะม่วงเขียวเสวย".
- ↑ "เฟอร์นิเจอร์ไม้มะม่วง...ของดี 'คลอง 30'". คมชัดลึกออนไลน์. 2016-04-03.
- ↑ ขวัญฤทัย คำฝาเชื้อ (2551). พฤกษศาสตร์พื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง ที่ตำบลบ้านจันทร์และแจ่มหลวง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ วิทยานิพนธ์ (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) 271 หน้า ดูฉบับเต็ม เก็บถาวร 2021-06-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Litz, Richard E. (ed. 2009). The Mango: Botany, Production and Uses (2nd edition). CABI. ISBN 978-1-84593-489-7
- นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. มะม่วง ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 173 - 177
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Crop of the Day: Mango, Mangifera indica has a list of helpful resources about this species.