ข้ามไปเนื้อหา

เซฟไตรอะโซน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เซฟไตรอะโซน
ข้อมูลทางคลินิก
การอ่านออกเสียง/ˌsɛftrˈæksn/
ชื่อทางการค้าRocephin, Epicephin, Wintriaxone, others
AHFS/Drugs.comโมโนกราฟ
MedlinePlusa685032
ข้อมูลทะเบียนยา
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
  • AU: B1 [1]
  • US: B (ไม่มีความเสี่ยงในสัตว์) [1]
ช่องทางการรับยาIntravenous, intramuscular
ประเภทยาThird-generation cephalosporin
รหัส ATC
กฏหมาย
สถานะตามกฏหมาย
  • AU: S4 (ต้องใช้ใบสั่งยา)
  • US: ℞-only
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์
ชีวประสิทธิผลn/a
การเปลี่ยนแปลงยาNegligible
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ5.8–8.7 hours
การขับออก33–67% kidney, 35–45% biliary
ตัวบ่งชี้
  • (6R,7R)-7-{[(2Z)-2-(2-amino-1,3-thiazol-4-yl)->2-(methoxyimino)acetyl]amino}-3-{[(2-methyl-5,6-dioxo-1,2,5,6-tetrahydro-1,2,4-triazin-3-yl)thio]methyl}-8-oxo-5-thia-1-azabicyclo[4.2.0]oct-2-ene-2-carboxylic acid
เลขทะเบียน CAS
PubChem CID
IUPHAR/BPS
DrugBank
ChemSpider
UNII
KEGG
ChEBI
ChEMBL
ECHA InfoCard100.070.347
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตรC18H18N8O7S3
มวลต่อโมล554.57 g·mol−1
แบบจำลอง 3D (JSmol)
  • O=C2N1/C(=C(\CS[C@@H]1[C@@H]2NC(=O)C(=N\OC)/c3nc(sc3)N)CS\C4=N\C(=O)C(=O)NN4C)C(=O)O
  • InChI=1S/C18H18N8O7S3/c1-25-18(22-12(28)13(29)23-25)36-4-6-3-34-15-9(14(30)26(15)10(6)16(31)32)21-11(27)8(24-33-2)7-5-35-17(19)20-7/h5,9,15H,3-4H2,1-2H3,(H2,19,20)(H,21,27)(H,23,29)(H,31,32)/b24-8-/t9-,15-/m1/s1 checkY
  • Key:VAAUVRVFOQPIGI-SPQHTLEESA-N checkY
  (verify)
สารานุกรมเภสัชกรรม

เซฟไตรอะโซน (อังกฤษ: Ceftriaxone) เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายโรค[2] เช่น หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระดูกและข้อ การติดเชื้อในช่องท้อง การติดเชื้อที่ผิวหนัง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ หนองใน และการอักเสบในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น[2] บางครั้งอาจใช้ก่อนการผ่าตัดหรือหลังบาดแผลจากการถูกกัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ[2] สามารถให้ได้ผ่านการให้ทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ[2]

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการเจ็บปวดที่ตำแหน่งฉีดยา และการแพ้ยา[2] ผลข้างเคียงอื่น เช่น ท้องเสียจากเชื้อ C. difficile โลหิตจางแบบมีเม็ดเลือดแดงแตก โรคของถุงน้ำดี และอาการชัก[2] โดยทั่วไปจะไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ยาเพนิซิลลินอย่างรุนแรง แต่ถ้าแพ้แบบมีอาการไม่รุนแรงบางครั้งอาจพิจารณาให้ใช้ได้[2] ห้ามให้ยานี้เข้าทางหลอดเลือดดำพร้อมกับแคลเซียม[2] หลักฐานใหม่ๆ บ่งชี้ว่าการใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรน่าจะทำได้โดยปลอดภัย[3] ยานี้เป็นยาในกลุ่มเซฟาโลสปอรินรุ่นที่สาม ซึ่งทำงานโดยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียสร้างผนังเซลล์ได้[2]

ยานี้ถูกค้นพบเมื่อช่วงต้นคริสตทศวรรษ 1980s โดยบริษัทฮอฟฟ์แมน-ลา โรช[4] ได้รับการจัดเป็นหนึ่งในรายการยาสำคัญต้นแบบขององค์การอนามัยโลก และถือเป็นยาที่ปลอดภัยและใช้ได้ผลดีที่สุดชนิดหนึ่งในระบบบริการสุขภาพ[5] ปัจจัยมีผลิตจำหน่ายได้ทั่วไป[2] ถือเป็นยาที่มีราคาไม่แพง ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วราคาขายส่งของยานี้อยู่ที่ประมาณ 0.20-2.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส (ข้อมูลปี พ.ศ. 2557) ค่ารักษาด้วยยานี้ในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะอยู่ที่ไม่เกิน 25 ดอลลาร์สหรัฐ ตลอดการรักษา[6] In the United States a course of treatment is typically less than 25 USD.[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Ceftriaxone (Rocephin) Use During Pregnancy". Drugs.com. 12 December 2019. สืบค้นเมื่อ 24 December 2019.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 "Ceftriaxone Sodium Monograph for Professionals – Drugs.com". www.drugs.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-31. สืบค้นเมื่อ 2016-08-27.
  3. "Ceftriaxone Pregnancy and Breastfeeding Warnings". www.drugs.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 August 2016. สืบค้นเมื่อ 27 August 2016.
  4. Landau, Ralph; Achilladelis, Basil; Scriabine, Alexander (1999). Pharmaceutical Innovation: Revolutionizing Human Health (ภาษาอังกฤษ). Chemical Heritage Foundation. p. 169. ISBN 9780941901215. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
  5. "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF). World Health Organization. April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
  6. "Ceftriaxone". International Drug Price Indicator Guide. สืบค้นเมื่อ 29 August 2016.[ลิงก์เสีย]
  7. Facep, Hamilton MD Faaem Facmt (2013). Tarascon Pocket Pharmacopoeia 2014 Deluxe Lab-Coat Edition (ภาษาอังกฤษ). Jones & Bartlett Publishers. p. 75. ISBN 9781284053999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.