นิรันดร์ราตรี
นิรันดร์ราตรี | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย |
อำนวยการสร้าง | ดรสะรณ โกวิทวณิชชา โสรยา นาคะสุวรรณ |
กำกับภาพ | วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย กอบบุญ ฉัตรไกรเสรี |
ตัดต่อ | วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย ภาคภูมิ นันตาลิตร |
บริษัทผู้สร้าง | |
วันฉาย | 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 |
ความยาว | 69 นาที |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
นิรันดร์ราตรี คือ ภาพยนตร์สารคดีเชิงทดลองปี พ.ศ. 2560 กำกับโดยวรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย เล่าเรื่องของสัมฤทธิ์ ชายผู้ทำหน้าที่ควบคุมการฉายภาพยนตร์ประจำโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนแห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงและความสิ้นหวังในการดำเนินชีวิตหลังจากที่โรงภาพยนตร์ดังกล่าวปิดตัวลง
ที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากความผูกพันและความทรงจำที่ตัววรรจธนภูมิมีต่อประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในวัยเด็กและพื้นที่โรงภาพยนตร์เก่า รวมถึงความต้องการที่จะบันทึกภาพโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนในประเทศไทยเพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำหรับคนรุ่นต่อไป โดยในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้ใช้เวลา 3 ปีในการติดตามชีวิตของสัมฤทธิ์และอีก 1 ปีในการตัดต่อภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 ในเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยได้รับรางวัลสเปเชียลเมนชัน จากสายประกวดเน็กซ์:เวฟอวอร์ด ประจำเทศกาลดังกล่าว และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมของปีเดียวกัน
เนื้อเรื่องย่อ
[แก้]ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องของสัมฤทธิ์ ชายผู้ใช้เวลา 25 ปีทำหน้าที่เป็นผู้ฉายภาพยนตร์ประจำโรงภาพยนตร์ธนบุรีรามา ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนแห่งสุดท้ายของกรุงเทพมหานครฯ เมื่อโรงภาพยนตร์แห่งนี้ปิดตัวลง เขาได้ผันตัวไปเป็นผู้ดูแลอาคารของโรงภาพยนตร์ร้างและใช้เวลาว่างไปกับหนังสือธรรมะ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเพื่อไปช่วยทำสวนยางร่วมกับครอบครัว และพบว่าความเชี่ยวชาญด้านการฉายภาพยนตร์ที่สั่งสมมา แทบไม่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตรูปแบบอื่นเลย
การผลิต
[แก้]ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความผูกพันและความทรงจำที่วรรจธนภูมิ (ผู้กำกับภาพยนตร์) มีต่อการชมภาพยนตร์ร่วมกับครอบครัวในวัยเด็กและพื้นที่ของโรงภาพยนตร์เก่าที่เขาได้สัมผัส[1] และความต้องการที่จะบันทึกภาพบรรยากาศของโรงภาพยนตร์สแตนอโลนในประเทศไทย รวมถึงชีวิตและชะตากรรมของคนที่แวดล้อมโรงภาพยนตร์เหล่านั้นที่ค่อย ๆ จางหายไป เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นต่อไป[2]
วรรจธนภูมิพัฒนาเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้จากภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นปี พ.ศ. 2558 ที่กำกับโดยตัวเขาเอง เรื่อง ยามเมื่อแสงดับลา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความทรงจำต่อโรงภาพยนตร์สแตนอโลนในกรุงเทพฯ ที่กำลังล่มสลาย[3] โดยในเบื้องต้น วรรจธนภูมิต้องการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบของภาพยนตร์ทดลองขนาดสั้น ที่เล่าเรื่องโดยใช้เรื่องที่แต่งขึ้นมาจากความทรงจำเกี่ยวกับพ่อและแม่ของเขาเป็นหลัก แต่เมื่อเขาได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลตามโรงภาพยนตร์ทั่วกรุงเทพฯ เขาก็ได้พบกับสัมฤทธิ์ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่โรงภาพยนตร์ธนบุรีรามากำลังจะปิดกิจการพอดี ด้วยความสนิทสนมและความสนใจในตัวตนของสัมฤทธิ์ วรรจธนภูมิจึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องของภาพยนตร์ให้กลายเป็นแบบสารคดี โดยมีสัมฤทธิ์เป็นซับเจกต์หลักของเรื่องแทน โดยใช้เวลาติดตามถ่ายทำชีวิตของสัมฤทธิ์เป็นเวลา 3 ปี และตัดต่ออีก 1 ปี[2]
สำหรับวิธีการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ วรรจธนภูมิเลือกใช้การทดลองด้านภาพด้วยการผสมผสานระหว่างฟุตเตจภาพยนตร์เก่ากับฟุตเตจที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่เพื่อเล่าเรื่องและสื่อถึงความผูกพันที่บุคคลหนึ่งมีต่อภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์[3]
การเข้าฉาย
[แก้]นิรันดร์ราตรีเข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 ในสายประกวดรางวัลเน็กซ์:เวฟ ของเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติโคเปนเฮเกน ณ ประเทศเดนมาร์ก[4] และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ณ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ และวันที่ 31 สิงหาคมปีเดียวกัน ณ โรงภาพยนตร์เฮาส์[5] นอกจากนี้ ยังได้รับเชิญให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติศาลายา ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560[6][7] และเทศกาลภาพยนตร์ไทเป ครั้งที่ 19 ณ ประเทศไต้หวัน เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560[8]
ปี พ.ศ. 2563 นิรันดร์ราตรีได้รับเลือกจากหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ให้ฉายในโปรแกรม "La Scala ลา สกาลา" ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง Blowup (มิเคลันเจโล อันโตนิโอนี, 1966) The Scala (อาทิตย์ อัสสรัตน์, 2559) และ Cinema Paradiso (จูเซปเป ตอร์นาโตเร, 1988) เมื่อวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2563 ณ โรงภาพยนตร์สกาลา กรุงเทพฯ เพื่อส่งท้ายโรงภาพยนตร์สกาลาก่อนปิดกิจการอย่างเป็นทางการ[9]
รางวัลและคำวิจารณ์
[แก้]ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลสเปเชียลเมนชัน จากสายประกวดเน็กซ์:เวฟอวอร์ด ประจำเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติโคเปนเฮเกน ประจำปี ค.ศ. 2017 เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ณ ประเทศเดนมาร์ก[10] โดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเทศกาลดังกล่าวกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า ด้วยการนำเสนอบางสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติไปพร้อมกับปรัชญาพุทธศาสนาว่าด้วยการเสื่อมสลายและการเปลี่ยนแปลง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงเรื่องของ "ภาพยนตร์" ได้อย่างไม่ธรรมดา[11]
นอกจากนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในประเทศไทย เช่น ในงานวิจารณ์ของผู้ใช้นามปากกาว่า "คนมองหนัง" ได้กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดและเล่าเรื่องราวชีวิตของซับเจกต์ (สัมฤทธิ์) ได้อย่าง "สนุก มีอารมณ์ขัน น่าติดตาม แฝงอารมณ์เศร้าหม่นอยู่ลึก ๆ และละเอียดลออมากพอสมควร" โดยตัวภาพยนตร์มีองค์ประกอบที่น่าสนใจสองส่วน ได้แก่ 1) ความสามารถในการใช้ "แสง" ร่วมกับภาพเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยมของวรรจธนภูมิ จนทำให้เกิด "ภาวะภาพฝันอันแปลกประหลาดและเป็นปริศนา" ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง และ 2) การเล่าเรื่องของซับเจกต์ด้วยวิธีการที่ไม่สลับซับซ้อนจนเกินไป ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามเรื่องราวได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม "คนมองหนัง" ก็มองว่า องค์ประกอบที่สองนี้เองที่ทำให้ภาพยนตร์ลดทอนเสน่ห์รวมถึงความซับซ้อนในชีวิตและการมองโลกของซับเจกต์ลงไป[12]
รางวัลที่ได้รับการเสนอชื่อ
[แก้]ปี | รายการ | รางวัล/สาขา | ผู้ได้รับการเสนอชื่อ | ผล |
---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2561 | รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 26 | ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | อายดร็อปเปอร์ฟิลล์ | ได้รับการเสนอชื่อ |
กำกับภาพยอดเยี่ยม | วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย และกอบบุญ ฉัตรไกรเสรี | ได้รับการเสนอชื่อ | ||
นักทำหนังหน้าใหม่ยอดเยี่ยม | วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย | ได้รับการเสนอชื่อ | ||
พ.ศ. 2560 | เทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติโคเปนเฮเกน ประจำปี ค.ศ. 2017 | สเปเชียลเมนชัน/สายประกวดเน็กซ์:เวฟอวอร์ด | ได้รับรางวัล |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ความสัมพันธ์ในนิรันดร์ราตรี". a day (ปีที่ 17 ฉบับที่ 203 ประจำเดือนกรกฎาคม 2560). น. 27
- ↑ 2.0 2.1 Chatrawee Sentanissak. "Work hard เพื่อเป็นตัวเอง เบสท์ Eyedropper Fill กับอุดมคติของเด็กข้างหน้าต่าง". The Matter. 11 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2560.
- ↑ 3.0 3.1 Bioscope Magazine. "‘นิรันดร์ราตรี’ สารคดีทดลองโดยกลุ่ม Eyedropper Fill ได้รับเลือกเข้าประกวดในเทศกาล CPH:DOX เก็บถาวร 2017-02-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". MThai. 24 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2560.
- ↑ "A Variety of Shows for Various Events, Part 1 + Phantom of Illumination[ลิงก์เสีย]". CPH:DOX. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2560.
- ↑ นิรันดร์ราตรี/Phantom of Illumination. "แถลงการณ์ ผู้กำกับพบประชาชน". Facebook. 9 สิงหาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2560.
- ↑ Salaya Doc. "#SALAYADOC7 SCREENING PROGRAM". Facebook. 9 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2560.
- ↑ Watsamon Kosawiwat. "หนังสารคดีน่าตามไปดูในเทศกาล ‘Salaya Doc 7’". The Matter. 15 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2560.
- ↑ "Phantom of Illumination[ลิงก์เสีย]". 2017 Taipei Film Festival. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2560.
- ↑ "3-5 ก.ค.นี้ มาเก็บภาพประทับใจ พร้อมดูหนังอำลาสกาลา ‘ราชาโรงหนังแห่งสยาม’," มติชนออนไลน์. 27 มิถุนายน 2563. สืบค้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2563.
- ↑ Guy Lodge. "'Last Men in Aleppo' Takes Top Prize at Copenhagen’s CPH:DOX Fest". Variety. 24 March 2017. สืบค้นเมื่อ 26 กรกฎาคม 2560.
- ↑ Niels. "9 films are nominated for our new award for emerging filmmakers เก็บถาวร 2017-07-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". CPH:DOX. 21 February 2017. สืบค้นเมื่อ 26 กรกฎาคม 2560.
- ↑ "รีวิวหนังสารคดี Salaya Doc: นิรันดร์ราตรี". คนมองหนัง. 27 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 21 กรกฎาคม 2560.