ข้ามไปเนื้อหา

จักรวรรดิสเปน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จักรวรรดิสเปน

Imperio Español (สเปน)
1492–1976
ธงชาติสเปน
ภูมิภาคในโลกที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิสเปน
ภูมิภาคในโลกที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิสเปน
สถานะจักรวรรดิ
เมืองหลวงมาดริด
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (ฮาพส์บวร์ค)
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (บูร์บง)
ระบบกึ่งประธานาธิบดี
ระบบเผด็จการ
ประวัติศาสตร์ 
• ก่อตั้ง
1492
• สิ้นสุด
1976
ก่อนหน้า
ถัดไป
Crown of Castile
ราชบัลลังก์อารากอน
Emirate of Granada
Kingdom of Navarre
Burgundian Netherlands
Episcopal principality of Utrecht
Aztec Empire
อารยธรรมมายา
จักรวรรดิอินคา
อาณาจักรตันโด
Madja-as
Sultanate of Sulu
Rajahnate of Cebu
Louisiana (New France)
Spain
Italy
จักรวรรดิเม็กซิโกที่ 1
กรันโกลอมเบีย
สหมณฑลริโอเดลาปลาตา
Republic of Chile
โบลิเวีย
เปรูในอารักขา
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1
อิเควทอเรียลกินี
สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี
Louisiana (New France)
Florida Territory
รัฐบาลทหารของกองทัพสหรัฐในคิวบา
ปวยร์โตรีโก
Dutch Republic
  ดินแดนของจักรวรรดิโปรตุเกสระหว่างการเป็นสหภาพไอบีเรีย (ค.ศ. 1581-1640) (Iberian Union)
  ดินแดนที่เสียไปก่อนหรือเป็นผลจากสนธิสัญญาอูเทร็คท์-สนธิสัญญาบาเดน (ค.ศ. 1713-1714)
  ดินแดนที่เสียไปก่อนหรือระหว่างสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา (ค.ศ. 1811-1828)
  ดินแดนที่เสียระหว่างสงครามสเปน-อเมริกัน (ค.ศ. 1898-1899)
  ดินแดนที่ได้รับมอบอิสรภาพระหว่างการปลดแอกอาณานิคมแอฟริกา (ค.ศ. 1956-1976)
  ดินแดนปัจจุบันที่บริหารโดยสเปน

จักรวรรดิสเปน (สเปน: Imperio Español) เป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก และเป็นหนึ่งในจักรวรรดิโลก (global empire) จักรวรรดิแรกที่มีดินแดนและอาณานิคมในยุโรป, อเมริกา, เอเชีย และโอเชียเนีย มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ส่วนอาณานิคมในแอฟริกาเป็นดินแดนที่ได้มาในตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 20 สเปนก่อตัวขึ้นเป็นสหอาณาจักรในปี ค.ศ. 1492 หลังจาก “การพิชิตดินแดนคืน” ในคาบสมุทรไอบีเรีย ในปีเดียวกันคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสก็นำกองเรือสำรวจกองแรกของสเปนในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นการเริ่มต้นของการแสวงหาอาณานิคมในอเมริกาของยุโรป ซีกโลกตะวันตกจึงเป็นจุดหมายทางอำนาจใหม่ของจักรวรรดิสเปน

ระหว่างยุคแห่งการสำรวจสเปนก็เริ่มไปตั้งหลักแหล่งอยู่ในหมู่เกาะแคริบเบียนและกองกิสตาดอร์ (conquistador) ก็เริ่มโค่นจักรวรรดิท้องถิ่นที่พบเช่นจักรวรรดิแอซเท็คและจักรวรรดิอินคา ต่อมาคณะสำรวจก็ขยายดินแดนของจักรวรรดิสเปนตั้งแต่บริเวณที่เป็นแคนาดาปัจจุบันในทวีปอเมริกาเหนือไปจนจรดเตียร์ราเดลฟวยโกทางตอนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ การเดินทางสำรวจของสเปนเป็นการเดินทางรอบโลกที่เริ่มโดยเฟอร์ดินันด์ มาเจลลันในปี ค.ศ. 1519 และจบลงด้วย ฆวน เซบัสเตียน เอลกาโน ในปี ค.ศ. 1522 ซึ่งเป็นการสำรวจสมตามความตั้งใจของโคลัมบัสในการพยายามหาเส้นทางไปยังเอเชียโดยการเดินทางไปทางตะวันตก ซึ่งทำให้สเปนหันมาสนใจในตะวันออกไกล โดยการก่อตั้งอาณานิคมในเกาะกวม, ฟิลิปปินส์ และเกาะใกล้เคียง ระหว่าง “ยุคทองของสเปน” (Siglo de Oro) จักรวรรดิสเปนประกอบด้วยเนเธอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, เบลเยียม, ส่วนใหญ่ของอิตาลี, บางส่วนของเยอรมนี, บางส่วนของฝรั่งเศส, ดินแดนในแอฟริกา, เอเชีย และ โอเชียเนีย และดินแดนส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกา เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 สเปนก็ครอบครองดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดกว่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้น[1]

การค้าขายระหว่างสเปนและอาณานิคมก็รุ่งเรือง สินค้าต่างๆ ที่รวมทั้งโลหะมีค่าจากอเมริกาถูกนำกลับมาสเปนในกองเรือกองเรือสมบัติ (Spanish treasure fleets) เป็นประจำทุกปี กองเรือมะนิลา (Manila Galleon) ก็เชื่อมระหว่างฟิลิปปินส์กับอเมริกา โดยมีเรือติดต่ออย่างสม่ำเสมอข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก การค้าขายส่วนใหญ่เป็นการทำเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ราชนาวีของสเปน และเพื่อพิทักษ์จักรวรรดิสเปนในยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนในยุโรปของสเปนต้องมาเสียไปเมื่อในการยุติลงของสงครามสืบราชบัลลังก์สเปนในปี ค.ศ. 1713 แต่สเปนยังคงสามารถรักษาดินแดนโพ้นทะเลไว้ได้

การยึดครองสเปนโดยฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1808 ภายใต้การนำของจักรพรรดินโปเลียนเป็นการตัดการติดต่อกับอาณานิคมในอเมริกาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และสงครามอิสรภาพสเปนอเมริกันที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันระหว่าง ค.ศ. 1810 ถึง ค.ศ. 1825 ผลให้รัฐต่างๆ ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ได้รับอิสรภาพจากสเปน ดินแดนที่เหลือที่รวมทั้งคิวบา, ปวยร์โตรีโก, ฟิลิปปินส์ และสเปนอินเดียตะวันออกอยู่ภายใต้การปกครองของสเปนมาจนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อดินแดนส่วนใหญ่มาถูกผนวกเข้ากับสหรัฐหลังสงครามสเปน-อเมริกัน ดินแดนที่เหลือในหมู่เกาะแปซิฟิกขายให้แก่จักรวรรดิเยอรมนีในปี ค.ศ. 1899

ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 สเปนเหลือเพียงดินแดนในทวีปแอฟริกาคือ อิเควทอเรียลกินี, โมร็อกโก, และเวสเทิร์นสะฮารา ในปี ค.ศ. 1956 สเปนถอนตัวจากโมร็อกโก และในปี ค.ศ. 1968 สเปนได้มอบอิสรภาพให้แก่อิเควทอเรียลกินี เมื่อสเปนถอนตัวจากเวสเทิร์นสะฮาราในปี ค.ศ. 1976 ในช่วงแรกอาณานิคมถูกผนวกโดยโมร็อกโกและมอริเตเนีย แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1980 โมร็อกโกครอบครองพื้นที่ทั้งหมด แม้ว่าตามทฤษฎีของสหประชาชาติ เวสเทิร์นสะฮารายังคงอยู่ภายใต้การบริหารของสเปน ในปัจจุบันกานาเรียส และบริเวณอีกสองบริเวณบนฝั่งทะเลแอฟริกาเหนือ (คือเซวตาและเมลียา) ยังคงเป็นดินแดนบริหารของสเปน

อ้างอิง

[แก้]
  1. The Mongol Empire had been larger, but was restricted to Eurasia
  • Anderson, James Maxwell (2000), The History of Portugal, Westport, CT: Greenwood, ISBN 978-0313311062.
  • Archer, Christon; และคณะ (2002), World History of Warfare, Lincoln: University of Nebraska Press, ISBN 978-0803244238.
  • Brown, Jonathan; Elliott, John Huxtable (1980), A Palace for a King. The Buen Retiro and the Court of Philip IV, New Haven: Yale University Press, ISBN 978-0300025071.
  • Kamen, Henry (2003), Empire: How Spain Became a World Power, 1492-1763, New York: HarperCollins, ISBN 0-06-093264-3.
  • Lach, Donald F.; Van Kley, Edwin J. (1994), Asia in the Making of Europe, Chicago: University of Chicago Press, ISBN 978-0226467344.
  • Lockhart, James; Schwartz, Stuart B. (1983), Early Latin America: A History of Colonial Spanish America and Brazil, Cambridge: Cambridge University Press, ISBN 978-0521299299.

ดูเพิ่ม

[แก้]